รูปแบบ การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ในไทย

รูปแบบการชาร์จรถไฟฟ้า

รูปแบบการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทย

การที่เราจะมีรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน รู้หรือไม่ว่าเราต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องไหนบ้าง ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ของรถยนต์ไฟฟ้า (รถ EV) ก็คือ การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า นั่นเอง วันนี้เราจะมาแชร์รูปแบบ และประเภทของการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้ทุกคนได้เข้าใจกันมากขึ้น

การชาร์จสามารถแบ่งได้เป็น 2 ระบบ

1.ระบบ AC

เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ Wall Charger สามารถชาร์จแบตเตอร์รี่รถไฟฟ้า EV จาก 10 – 80% ได้ในระยะเวลา 4 – 7 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า และ การชาร์จระบบ AC นับเป็นวิธีการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีต้นทุนถูกที่สุด ณ ปัจจุบันนี้

**ก่อนติดตั้งควรเช็กปริมาณการใช้ไฟในบ้านร่วมกับเครื่องชาร์จไฟก่อนว่า ระบบไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่รองรับการใช้งานได้หรือไม่

2.ระบบ DC

ไฟฟ้ากระแสตรง สามารถชาร์จได้ที่สถานีชาร์จ ปั๊มน้ำมัน เหมาะกับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% เพราะเป็นระบบไฟฟ้ากระแสตรงที่ให้ความรวดเร็วในการชาร์จ โดยสามารถชาร์จได้ 0 – 80% ในเวลาเพียง 40-60 นาที

**ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่รถไฟฟ้า

 

เรามาดูกันว่า หัวชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่นิยมในไทย มีอะไรบ้างซึ่งทั้ง 2 ระบบจะมีการใช้หัวชาร์จไฟที่แตกต่างกันออกไป ในปัจจุบัน การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า นั้นมีกี่รูปแบบแล้วแต่ละแบบอยู่ในระบบใด

การชาร์จรถไฟฟ้า EV ในปัจจุบันมีทั้งหมด 3 รูปแบบ

1.การชาร์จแบบธรรมดา แบบ NORMAL CHARGE (ชาร์จจากเต้ารับภายในบ้านโดยตรง)

normal charge

มิเตอร์ไฟของบ้านต้องสามารถรองรับกระแสไฟฟ้าขั้นต่ำ 15(45)A และเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Charging) ซึ่งเต้ารับไฟในบ้านต้องติดตั้งใหม่เป็นเต้ารับเฉพาะการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไม่สามารถใช้เต้ารับแบบธรรมดาได้ ระยะเวลาในการชาร์จประมาณ 12-16 ชม. ทั้งนี้การติดตั้ง

ต้องมาจากผู้เชี่ยวชาญด้านไฟฟ้าเท่านั้นเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานในระยะยาว โดยหัวชาร์จที่ใช้มี 2 แบบดังนี้

– TYPE 1 หัวชาร์จที่นิยมในทวีปอเมริกาเหนือและประเทศญี่ปุ่น เป็นหัวชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสสลับ(AC) ใช้กับแรงดันไฟฟ้าที่ 120 V หรือ 240 V

– TYPE 2 หัวชาร์จที่นิยมใช้ในแถบทวีปยุโรป เป็นหัวชาร์จแบบพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับ(AC) รองรับแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 120 V หรือ 240 V

 

2.การชาร์จแบบธรรมดา แบบ Double Speed Charge (เครื่องชาร์จ WALL BOX)

double speed charge

เป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Charging) จะชาร์จได้เร็วขึ้นปลอดภัยขึ้น มากกว่า Normal Charging แบบแรก เนื่องจากมีการเพิ่มสายนำร่องภายในสายชาร์จช่วยให้สามารถสื่อสารระหว่างรถยนต์และอุปกรณ์ชาร์จผ่านโปรโตคอลมาตรฐานนอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถใช้งานฟังก์ชันการควบคุม เช่น

  • การตรวจสอบว่ารถยนต์ไฟฟ้าเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จ่าย EV อย่างถูกต้อง
  • การตรวจสอบความสมบูรณ์ของตัวนำป้องกันอย่างต่อเนื่อง
  • การรเพิ่มพลังงานและการลดพลังงานของแหล่งจ่ายไฟ
  • การส่งข้อมูลเกี่ยวกับกระแสสูงสุดที่อนุญาต

และการชาร์จด้วยตู้ชาร์จติดผนัง (Wall Box) สามารถชาร์จได้ 4-7 ชั่วโมง สำหรับแบตเตอรี่ขนาด 24 กิโลวัตต์/ชั่วโมง และ 9 ชั่วโมงสำหรับแบตเตอร์รี่ขนาด 30 กิโลวัตต์/ชั่วโมง โดยหัวชาร์จที่ใช้จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

–  TYPE 1 เป็นหัวชาร์จที่ใช้กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศญี่ปุ่น

–  TYPE 2 เป็นหัวชาร์จที่นิยมใช้กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในแถบทวีปยุโรป

 

3. การชาร์จแบบด่วน (Quick Charge)

quick charge

ชาร์จโดยใช้ไฟฟ้ากระแสตรง (DC Charging) สามารถชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยใช้เวลา 0% – 80% ใน 40-60 นาที ทั้งนี้เวลาความเร็วขึ้นอยู่กับความจุพลังงานแบตเตอร์รี่กิโลวัตต์/ชั่วโมง ซึ่งประเภทหัวชาร์จจะมีอยู่ 3 แบบ คือ

1. CHArge de Move(CHAdeMo) แปลได้ว่า ชาร์จไฟแล้วขับต่อไป เป็นชื่อระบบชาร์จไฟฟ้าแบบเร็วสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งระบบ CHAdeMO มีการใช้แพร่หลายในประเทศญี่ปุ่น

2. GB/T เป็นหัวชาร์จที่มีประเทศจีนเป็นผู้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ภายในประเทศ ตอบรับการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่ารวดเร็วในประเทศ

3. Combined Charging System (CCS) สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ

3.1 CCS TYPE 1 เป็นหัวชาร์จที่ใช้กับรถยนต์ในประเทศสหรัฐอเมริกา ลักษณะของหัวชาร์จมีขนาดเล็กกว่า CCS Type 2 และรองรับแรงดันไฟฟ้าที่ 200 V – 500 V

3.2 CCS TYPE 2 เป็นหัวชาร์จที่นิยมใช้ในแถบทวีปยุโรป หัวชาร์จประเภทนี้จะมีขนาดใหญ่กว่า และมีกำลังไฟมากกว่าหัวชาร์จ CCS Type 1 ด้วย

สรุป

   รูปแบบ การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า นั้นมีด้วยกัน 2 แบบ คือ AC และ DC ซึ่งทั้งสองแบบนี้มีความแตกต่างกันในเรื่องของความเร็วในการชาร์จ และนอกจากนี้ สถานีบริการพลังงานไฟฟ้าของต่างๆ ก็มีแผนจะทำจุดชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทย เพื่อให้ผู้ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารู้สึกสะดวกสบายมากขึ้นและสามารถเติมพลังงานได้ทุกที่ที่ต้องการ เพราะในอนาคตข้างหน้าแน่นอนว่าจะต้องมีผู้ใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกมากแน่นอน เพราะฉะนั้นการเข้าใจถึงลักษณะการชาร์จ วิธีการและเวลาในหารชาร์จ เราก็จะสามารถวางแผนในการเดินทางเราได้อย่างลงตัวและไม่เสียเวลาในการเดินทางเลย เพื่อให้สะดวกสบายกับตัวท่านการติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า(EV Chager)ไว้ที่บ้านที่พักอาศัยก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี ขอให้สนุกกับการใช้ลดไฟฟ้าและลดโลกร้อนไปด้วยกันนะ

ขอบคุณข้อมูลจาก: nissan.co.th